หลังจากที่โพสต์เตือนไปหลายที เรื่องที่ว่า ในต่างประเทศมีข่าวลือ เกี่ยวกับ "การฉีดวัคซีนโรคโควิด แล้วทำให้เป็นมนุษย์แม่เหล็ก"
ตอนนี้ในประเทศไทยเรา ก็มีคนเริ่มเชื่อเรื่องพวกนี้ พร้อมทำการทดลองเอาช้อนส้อมมาติดแขนโชว์กันใหญ่
ซึ่งจริงๆ ก็แค่เพราะว่า เป็นอาการตัวเหนียว จากการที่มีเหงื่อตามผิวหนังนะครับ ถ้าอาบน้ำล้างตัว เอาแป้งฝุ่นโรย ช้อนส้อมก็ไม่ติดง่ายๆ อย่างนั้นแล้ว
ลองอ่านคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ จากบทความที่เคยเขียนไว้ อีกทีนะครับ
-------
(รีโพสต์ บทความเก่า)
"ฉีดวัคซีนโรคโควิด ไม่ได้ทำให้คุณเป็นมนุษย์แม่เหล็กนะครับ"
อันนี้นับว่าไปกันใหญ่แล้ว 😀😀 .. วันนี้มีคลิปที่แชร์กันไวรัลมาก โดยเฉพาะในประเทศทางยุโรป บอกว่า "เมื่อคุณฉีดวัคซีนโรคโควิด-19 แล้ว จะทำให้ตรงจุดที่ฉีดนั้น กลายเป็น "แม่เหล็ก" ดูดโลหะได้" !?
มีคลิปวีดีโอจากหลายคนเลย ที่โชว์ว่า แขนข้างที่ฉีดวัคซีนนั้น สามารถดูดโลหะได้ และทำให้ลือกันว่า ในวัคซีนต้องมีอะไรบางอย่างอยู่ ที่ทำให้รอยฉีดของเรา กลายเป็นแม่เหล็ก บางคนก็บอกว่า นี่เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าในวัคซีนมี "ไมโครชิพ" ซ่อนอยู่ (ตามกลุ่มที่เชื่อทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดว่า วัคซีนก็คือการฝังไมโครชิพในร่างกาย เพื่อควบคุมสมองพวกเรา)
แต่ ๆๆๆ ไม่มีวัคซีนโควิดยี่ห้อไหนก็ตาม ที่ใส่สารโลหะบางอย่างลงไป แล้วจะทำให้มันมีคุณสมบัติเป็นแม่เหล็กได้นะครับ !!
วัคซีนบางชนิดอาจจะมีการใส่อลูมิเนียมลงไป ในปริมาณเล็กน้อยมากๆๆ (ระดับที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ) แต่อลูมิเนียมก็ไม่ได้มีสมบัติเป็นแม่เหล็ก
ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า เข็มที่ใช้ฉีดวัคซีนโรคโควิดนั้น มีขนาดเล็กมาก เป็นเศษของมิลลิเมตรด้วยซ้ำ ... ถึงคุณจะฉีดอนุภาคของแม่เหล็กแรงสูง โดยให้มีขนาดเล็กนีดเดียวเช่นนั้นเข้าไปได้ มันก็จะไม่ได้มีแรงเพียงพอ ที่จะทำให้ผิวหนังของคุณดูดโลหะหรือแม่เหล็กได้
จริงแล้วๆ คลิปแบบที่แชร์กันนี้ สามารถทำหลอกได้ง่ายๆเลยนะครับ เพราะผิวหนังของเราสามารถจะเอาโลหะและของต่างๆ มาแปะให้ติดไว้ได้ เวลาที่ผิวหนังมันค่อนข้างจะหนืด ไขมันสูง เช่น มีเหงื่อออก ... หรือจะให้หลอกยิ่งกว่านั้น เวลาถ่ายคลิปก็ใช้กาวเหนียวๆ ทาติดเลยก็ได้
คลิปหลอก พวกนี้ มักจะทำขึ้นมาแค่สนุกๆ เล่นๆ แต่พอหลุดไปถึงพวกที่เป็นแอนตี้วัคซีน ก็กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตขึ้นมา .... คนทำคลิปเองบางคนก็พยายามลบคลิปทิ้ง แต่ก็ไม่ทันเพราะหลุดไวรัลไปในวงกว้างแล้ว
สรุปสั้นๆ ว่า การฉีดวัคซีนไม่ได้จะทำให้คุณเป็นแม็กนีโต้นะครับ 555
ข้อมูลจาก https://www.bbc.com/news/av/57207134